วิตามินเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการดูแลสุขภาพของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการช่วยปกป้องร่างกายจากการเสื่อมของเซลล์และชะลอกระบวนการของการเกิดสภาวะที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของร่างกาย ดังนั้น นี่คือ 7 วิตามินที่เชื่อว่าช่วยในการชะลอวัย

1.วิตามิน A
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการปกป้องผิวจากการเสื่อมของเซลล์ และสามารถช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้
วิธีกินที่ดีที่สุด
วิตามินเอก็ละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที ได้เลย

2.วิตามิน C
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสร้างคอลลาเจนและเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ซึ่งมีผลต่อการลดริ้วรอยและชะลอวัย
วิธีกินที่ดีที่สุด
ควรแบ่งรับประทาน เช่น กินวิตามินซี ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2-3 ครั้ง หรือจนครบขนาดที่แนะนำ แทนการกินวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม เพียงครั้งเดียว

3.วิตามิน E
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการปกป้องผิวจากการเสื่อมของเซลล์ และช่วยในกระบวนการฟื้นฟูผิวที่เสียหาย
วิธีกินที่ดีที่สุด
ควนกินวิตามินอีได้ดีเมื่อกินร่วมกับอาหารที่มีไขมันนั่นเอง ดังนั้นควรกินวิตามินอีร่วมกับอาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เช่น นม โยเกิร์ต อัลมอนด์ ถั่วต่าง ๆ หรือจะกินคู่กับอะโวคาโดก็ได้

4.วิตามิน D
ช่วยในกระบวนการดูดซึมแคลเซียมและป้องกันการเกิดโรคกระดูก ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการชะลอวัย
วิธีกินที่ดีที่สุด
ควรกินวิตามินดีระหว่างมื้ออาหาร หรือหลังอาหารเช้าหรือเที่ยงไม่เกิน 30 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะเริ่มดูดซึมสารอาหาร และไขมันจากอาหารจะมาช่วยเป็นตัวทำละลาย ให้ร่างกายดูดซึมวิตามินดีอย่างเต็มที่มากขึ้น ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตามินดีในช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือตอนเย็น เพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้

5.วิตามิน K
เป็นสารที่ช่วยในกระบวนการหลั่งฮอร์โมนโปรตีนสำคัญที่มีผลต่อกระบวนการชะลอวัย
วิธีกินที่ดีที่สุด
หากจะกินวิตามินเคก็ควรกินระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารไม่เกิน 30 นาที เพราะเป็นวิตามินชนิดที่ละลายได้ดีในไขมันเช่นกัน

6.วิตามิน B
วิตามิน B3 เป็นสารที่ช่วยในกระบวนการเสริมสร้างเนื้อเยื่อและให้พลังงานให้กับร่างกาย ช่วยในการชะลอวัยโดยตรง
วิตามิน B5 มีบทบาทในกระบวนการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และชะลอวัย
วิธีกินที่ดีที่สุด
วิตามินบีเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของการกินวิตามินบีรวม วิตามินบี 12 บี 6 หรือวิตามินบีอื่น ๆ ควรกินในตอนเช้าขณะที่ท้องว่างจะดีที่สุด เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี หรือถ้ากินตอนท้องว่างแล้วรู้สึกระคายเคืองกระเพาะอาหาร แนะนำให้กินระหว่างมื้ออาหารเช้า หรือหลังอาหารเช้าแทน จะช่วยกระตุ้นระบบประสาท ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า พร้อมทำทำกิจกรรมต่าง ๆ และด้วยสรรพคุณนี้จึงไม่ควรกินวิตามินบีตอนเย็น หรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับได้

โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) โรคของคนยุคใหม่ ที่ไลฟ์สไตล์ชีวิตมีการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เล่นมือถือ ต้องก้มหน้านานๆ ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ทำให้มีอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ ปวดเอว ซึ่งหลายคนปล่อยให้เรื้อรัง จนลุกลามไปสู่การเป็นโรคอื่นๆ ที่รุนแรงขึ้น และมักจะเป็นในกลุ่มวัยทำงานของพนักงานบริษัท ที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ไม่ได้ขยับตัวลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย รวมไปถึงผู้ที่ต้องทำกิจกรรมใช้กล้ามเนื้อในลักษณะเดิมเป็นเวลานาน หรือคนทั่วไปก็สามารถเป็นออฟฟิศซินโดรมได้เช่นกัน

สาเหตุ โรคออฟฟิศซินโดรม

1.การนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่ถูกต้อง: การนั่งหรือยืนในท่าที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่างๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวและทำงานอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้องและอาจทำให้เกิดอาการปวดต่างๆ

2.การทำงานในที่สภาพแวดล้อมไม่ดี: สภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การระบายอากาศไม่ดี การจัดโต๊ะทำงานหรือเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสม สามารถทำให้เกิดความเครียดและอาการตึงเครียดต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย

3.การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทำงานที่ไม่เหมาะสม: การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทำงานที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้เกิดการเอียงร่างกายหรือการใช้กำลังงานอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้

4.การทำงานในระยะเวลาที่ยาว: การทำงานเป็นเวลานานๆ โดยไม่มีการพักผ่อนหรือออกกำลังกายอาจส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้

การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

1.การปรับเปลี่ยนท่านั่งและการนั่งที่ถูกต้อง พยายามเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ และรักษาร่างกายในท่าที่ถูกต้อง เช่น นั่งตรงหรือยืดตัวเมื่อทำงานนานๆ และอย่าย่องอกหลัง

2.การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม ใช้เก้าอี้ที่รองรับได้ดีเพื่อระบายน้ำหนักและสนับสนุนส่วนลำตัว และปรับส่วนสูงของโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับระดับความสูงของผู้ใช้

3.การใช้อุปกรณ์ทำงานที่เหมาะสม อาจใช้เมาส์และคีย์บอร์ดที่มีการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานในระยะเวลายาวๆ และพัฒนาท่านั่งหรือท่ายืนที่สามารถให้รองรับการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม

4.การพักผ่อนและออกกำลังกาย ทำการพักผ่อนและยืดเวลาเป็นช่วงๆ ระหว่างการทำงาน เช่น ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง และทำการออกกำลังกายเบาๆ เพื่อระบายกล้ามเนื้อและสร้างพลังงานให้กับร่างกาย

5.การดูแลสุขภาพทั่วไป รักษาพฤติกรรมการออกกำลังกายและการบริโภคอาหารที่ดี เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง เช่น การดื่มน้ำมากพอสมควรและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมมีความสำคัญในการรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้ทำงานในสถานที่ทำงาน โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการจัดการกับสภาพแวดล้อมในที่ทำงานอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและสุขภาพของผู้ทำงานได้ในระยะยาว

คอลลาเจนคืออะไร?

คอลลาเจน (Collagen) ถือเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในร่างกาย เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เอ็นต่างๆ ถึงร้อยละ 75 โดยทำหน้าที่เป็นตัวประสานเซลล์และเนื้อเยื่อคอลลาเจนสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ใยคอลลาเจนนอกจากจะช่วยสร้างความแข็งแรงของผิวหนังแล้ว ยังสามารถช่วยรักษาความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูกระชับและมีความนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการสร้างเส้นใยของเลือด ฟัน และเล็บ อีกด้วย

ประเภทของคอลลาเจนในร่างกาย

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นคอลลาเจนที่มีปริมาณมากที่สุด สามารถพบได้มากกว่าร้อยละ 90 ในร่างกาย ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด พบได้ในบริเวณผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าคอลลาเจนสำหรับกระดูก เพราะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น จึงสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบริเวณข้อต่อได้ มักมีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบได้ในบริเวณกระดูกอ่อนหรือข้อต่อ เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) พบได้ในบริเวณเดียวกันกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 มีบทบาทสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อ พบได้ในบริเวณผิวหนัง, กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด

5 วิธีรับประทาน “คอลลาเจน” 

วิธีที่ 1 ทานเวลาตื่นนอนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด
การทานคอลลาเจนให้ถูกเวลาถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งการทานในเวลาที่ถูกต้องก็คือในช่วงเวลาตื่นนอนนั่นเอง เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราไม่ได้ทานอะไรเลยเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ท้องของเราว่างและสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้เต็มที่ อีกทั้งยังทำให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยจ้าา

วิธีที่ 2 ควรทานคอลลาเจนไตรเปปไทด์มากกว่าคอลลาเจนเปปไทด์ธรรมดา
คอลลาเจนแบบผงเป็นรูปแบบคอลลาเจนที่พร้อมในการดูดซึม เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาไปกับกระบวนการในการย่อยหรือแตกตัวเช่นเดียวกับรูปแบบเม็ด แต่ทราบมั้ยคะว่าจริง ๆ แล้ว ปัจจัยที่สำคัญมากไปกว่ารูปแบบผงหรือเม็ดแล้ว คือชนิดของคอลลาเจนต่างหาก เพราะคอลลาเจนชนิดที่เราควรเลือกมาทานเพื่อผลลัพธ์เร่งด่วนคือต้องเป็นชนิดไตรเปปไทด์คอลลาเจน ซึ่งมีขนาดโมเลกุลเล็กดูดซึมไปใช้ได้ทันทีซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนเปปไทด์อื่น ๆ ในตลาดที่ขนาดโมเลกุลใหญ่ต้องผ่านกระบวนการมากมายกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้ ดังนั้นการเลือกชนิดของคอลลาเจนอย่างถูกต้องมาทานก็ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไวขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

วิธีที่ 3 ทานคู่กับน้ำผลไม้
เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมมาก คือการทานคอลลาเจนคู่กับน้ำผลไม้ซึ่งวิธีก็ไม่ยากเลย แค่เรานำผงคอลลาเจนไปผสมกับน้ำผลไม้ชนิดต่าง ๆ แค่นี้เราก็จะได้ประโยชน์สูงสุดแล้ว เพราะนอกจากการที่เราผสมคอลลาเจนในน้ำผลไม้เพื่อความอร่อยแล้ว คุณประโยชน์ที่อยู่ในน้ำผลไม้ เช่น วิตามิน ซี อี และอาหารผิวอื่นๆ ที่เราได้รับนั้น ก็เพิ่มขึ้นไปอีก เรียกว่ายิ่งทานคู่กันยิ่งให้ประโยชน์แบบคูณสอง ! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขาวกระจ่างใส หรือการลดริ้วรอย ที่สำคัญคือทำให้เราเห็นผลลัพธ์ไวมากยิ่งขึ้นไปอีกกก

วิธีที่ 4 ควรทานคอลลาเจนวันละ 5,000 – 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน
ตามปกติแล้วเราควรทานคอลลาเจนวันละ 5,000 – 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งช่วงเตรียมงานผิวเร่งด่วนสาวๆอาจจะทาน 5,000 มิลลิกรัมตอนเช้าหลังตื่นนอนทันทีตามสูตรซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และอีก 5,000 มิลลิกรัมก่อนนอนเพื่อให้ร่างกายใช้สารอาหารในการซ่อมแซมผิวยามหลับ หรือจะดื่มรวดเดียวก็ตามสะดวกได้เลยนะสาวๆ

วิธีที่ 5 ทานขณะที่ท้องว่าง
ควรทานก่อนอาหาร 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้จะเป็นตัวช่วยในกรณีที่เราไม่สามารถทานตอนเช้าได้ทันที เพราะหลาย ๆ คนคงมีปัญหาตื่นแล้วแต่ลืมทานหรือยุ่งจนลืมทาน การทานขณะที่ท้องว่าง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีอีกช่วงเวลาหนึ่ง สาว ๆ อาจจะเปลี่ยนมื้ออาหารว่างตอนบ่าย จากเครื่องดื่มไขมันสูงมาเป็นน้ำผลไม้เสริมคอลลาเจนเพื่อผิวสวยก็ยิ่งดีเลยนะ และเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้เห็นผลได้ไวมากขึ้น 

แหล่งที่มา :
https://www.wongnai.com/beauty-tips
https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2734426
https://www.cosmenet.in.th/cosme-howto/51213

ผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร ซึ่งล้วนแต่เป็น สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนี้ ผักยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน ผักที่มีหลากหลายสี สัน แต่ละสีก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่แตกต่างกันไป ดังนี้

การบริโภคผักที่มีสีสันหลากหลายช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพทั้งหลาย โดยเฉพาะถ้าเรารวมผักที่มี 5 สีพื้นฐาน ดังนี้

สีแดง : ผักสีแดงสูง อุดมไปด้วยไลโคปีน วิตามินซี และโพแทสเซียม มักมีสารแอนทีโอซีแอนท์ที่ช่วยให้หัวใจและเส้นเลือดสมบูรณ์ขึ้นเหมาะสำหรับการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง เช่น มะเขือเทศ พริกหวาน แตงโม บีทรูท

สีเหลือง/ส้ม : ผักสีเหลือง/ส้ม อุดมไปด้วยวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ลูทีน ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง ป้องกันโรคมะเร็ง และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงมีเส้นใยที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน เช่น แครอต ฟักทอง ข้าวโพด มะละกอ ส้ม

สีเขียว : ผักสีเขียวมักมีใยอาหารและโฟเลตที่ช่วยสร้างกระแสเลือดดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคเบาหวาน ช่วยให้กระดูกแข็งแรง บำรุงสายตา และระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ เช่น คะน้า ผักโขม บรอกโคลี ผักบุ้ง กะหล่ำปลี

สีม่วง : ผักสีม่วง อุดมไปด้วยแอนโทไซยานิน วิตามินซี และโพแทสเซียม ช่วยชะลอวัย ป้องกันโรคมะเร็ง และระบบภูมิคุ้มกัน มีสารสำคัญอย่างแอนโทไซยานิน ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับสมอง ผักสีม่วง เช่น กะหล่ำปลีม่วง บลูเบอร์รี่ มะเขือม่วง

สีขาว : มักมีฟีโทคีนที่ช่วยป้องกันการสร้างเซลล์มะเร็ง มีสารอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ผิวพรรณสดใส กระดูกและฟันแข็งแรง เช่น กะหล่ำปลีดอก กะหล่ำปลีจีน เห็ด ข้าวโพดอ่อน หัวหอม

การรับประทานผักที่มีสีสันหลากหลายช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพทั้งหลาย ช่วยป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ควรเพิ่มผักที่มีสีสันต่างๆ เข้าในเมนูอาหารของเราอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

✨ IRON MAN 70.3 2024 บางแสน
🏃🏻‍♀️จบไปแล้วสำหรับกิจกรรม IRON MAN 70.3 2024 บางแสน🏃🏻‍♂️
📌 วันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์ประชุมบางแสนเฮอริเทจ
ขอแสดงว่ายินดีกับพี่ๆนักกีฬาทุกคนด้วยนะคะ 🎉
แล้วเจอกันใหม่ในครั้งหน้านะคะ💛

✨Core Nutrition Camp Triathlon Team
วันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ หาดน้ำใส ชลบุรี
🏃🏻‍♂️ เพื่อเตรียมความพร้อมในงาน IRON MAN 70.3 บางแสน 2024 🏃🏻‍♀️
ขอขอบโค้ชทั้งสองที่มาให้ความรู้ แนะนำเทคนิคการฝึกฝนและแข่งขัน IRON MAN 70.3 บางแสน ขอขอบคุณนักกีฬาในทีม Core ที่ให้ความร่วมมือและตั้งใจเป็นอย่างดี💛
📍ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล แล้วเจอกับ IRON MAN 70.3 2024 บางแสน
#ironman703 #ironmanbangsaen #corenutrition #vpow

#จอมบึงมาราธอนครั้งที่ 37 2024 ที่ราชบุรี
จบไปแล้วสำหรับงาน จอมบึงมาราธอนครั้งที่37 2024 🎆
💥ภาพบรรยายภายในงาน #จอมบึงมาราธอน2024 (EXPO DAY 19-20 มกราคม 2567)
🌟ขอขอบพี่ๆนักวิ่งทุกท่านที่คอยสนับสนุนและให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ของทาง Core nutrition เป็นอย่างมากนะคะ
#จอมบึงมาราธอน2024 #จอมบึงมาราธอนครั้งที่37 #corenutrition #vpow #vpowenergygel #vpowbrand

✅ EXPO BURIRUM MARATHON ✨
บูธ Core Nutrition V Pow ยกขบวนสินค้าราคาพิเศษไปให้พี่ๆนักกีฬาได้เลือกซื้อกันจ้าาา มีให้ชิมสินค้าหน้าบูธด้วยน้าาา 💛 มาเจอกันๆ
📆 วันที่ 26-27 มกราคม 2567
📍 ROOFTOP 2 ล็อก 15 ณ สนามช้าง อารีนา บุรีรัมย์
พี่ๆนักกีฬาท่านไหนต้องการอาหารเสริมสำหรับนักกีฬา 💪 มาพบกันที่ EXPO BURIRUM MARATHON ได้เลยยย ✨

#BuriramMarathon2024
#บุรีรัมย์มาราธอน2024
#corenutrition #vpowenergygel #vpow #vpowbrand #vpowthailand

จบไปแล้วสำหรับงาน Bangsaen21 2023 🎉 ✨ภาพบรรยากาศงาน Bangsaen21 (15-16 ธันวาคม 2566) กับงาน Event ส่งท้ายปีของ Core nutrition V POW ในปี 2023 และเตรียมพบกับงาน Event ในปี 2024 จาก Core nutrition ที่เราจะจัดใหญ่❗ จัดเต็ม❗ พร้อมขนสินค้า ไปเจอกับพี่ๆนักกีฬา ในสนามไหนบ้างงง🥰 📍รอติดตามกันได้เลย See you next year 💛💚💜 #Bangsaen21 #บางแสน21 #corenutrition #vpow #vpowbrand #vpowenergygel

#PYT2023 CORE Nutrition Pong Yaeng Trail บูธ #CoreNutrition ขอขอบคุณพี่ๆนักวิ่งทุกท่านนน ที่แวะมาหากันที่บูธน้าา💛 สินค้าจาก #vpowbrand 🔸 Vpow เจลพลังงานที่ให้พลังงานถึง 130kcal 🔸 Vpow เกลือแร่ช่วยลดการเกิดตะคริว 🔸 OneWhey เวย์โปรตีนไอโซเลท 🔸 Core Speeze คอลลาเจนบำรุงกระดูกและไขข้อ สินค้าที่ตอบโจทย์สำหรับกีฬาทุกประเภท💛 สดชื่น ฟื้นฟู เติมพลัง V POW ENERGY GEL REFRESH REBOOST REENERGY #vpowenergygel #vpow #vpowbrand #vpowthailand #corenutrition #energygel #เจลพลังงาน